ตัวแทนสมาชิกจาก “ทักกี้ & ซึบาสะ (Tackey & Tsubasa)”, “เฮย์เซย์จัมพ์ (Hey!Say!JUMP)” และ “โทคิโอะ (TOKIO)” เดินทางไปยังเขตประสบพิบัติภัยสึนามิเมื่อปีที่ผ่านมาที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด 3 เขต ได้แก่ อิวาเตะ (Iwate), มิยางิ (Miyagi) และ ฟูกูชิมะ (Fukushima) เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อส่งมอบเงินบริจาคมูลค่ารวมทั้งสิ้น 720 ล้านเยน (ประมาณ 8.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ที่ได้รับจากการจัดงาน Marching J ที่จัดขึ้นโดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ต้นสังกัด Johnny’s & Associates ให้กับผู้ว่าการของทั้ง 3 เขตด้วยตนเอง รายงานจากสำนักข่าว Sport Hochi, Sankei News และ Chunichi Sports …
ข้อมูลจาก Johnny’s & Associates กล่าวว่า “นับตั้งแต่การจัดงานการกุศลเพื่อขอรับเงินบริจาคในนาม “Marching J” ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทางบริษัทฯ ได้รับเงินบริจาคมาแล้วมากกว่า 920 ล้านเยน และในครั้งนี้ เงินบริจาคจำนวน 720 ล้านเยนจะถูกส่งมอบออกไปก่อน คงเหลืออีก 200 ล้านเยน จะถูกส่งมอบอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมภายหลังการเปิดรับบริจาคระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตของ KAT-TUN ที่จะเสร็จสิ้นลงในวันที่ 28 เมษายนนี้ ซึ่งเงินบริจาคที่ได้รับมาเพิ่มเติมนั้นจะถูกรวมเข้าไปในก้อนที่ยังคงค้างอยู่ก่อนทำการส่งมอบด้วย”
เริ่มต้นที่ “ฮิเดะอากิ ทาคิซาว่า (Hideaki Takizawa)” และ “ซึบาสะ อิมาอิ (Imai)” ได้เดินทางไปยังเขตอิวาเตะ เพื่อส่งมอบเงินจำนวนหนึ่งจากการบริจาค ทางด้านของทักกี้นั้น มีความผูกพันกับเขตอิวาเตะเป็นพิเศษหลังจากที่เขาได้เดินทางมาสถานที่แห่งนี้หลายต่อหลายครั้งระหว่างการถ่ายทำละครที่ออกอากาศทางช่อง NHK เรื่อง “義経 (Yoshitsune)” และได้เคยเป็นอาสาสมัครลงพื้นที่ประสบภัยไปเมื่อปีที่แล้วด้วย ทั้ง 2 คน ได้ไปยังเมือง “Rikuzentakata” และได้ไปดูต้นสนญี่ปุ่นแห่ง Rikuzentakata ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะว่าเป็นต้นไม้ที่รอดพ้นจากการทำลายของสึนามิในวันนั้น และยังได้พบปะกับผู้คนแถบนั้นอีกด้วย
“ผมได้เห็นถึงหัวใจอันเข้มแข็งของผู้คนในเขตพิบัติภัย มันเป็นอะไรที่สามารถทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิได้จริงๆ” อิมาอิ กล่าว
“ซากปรักหักพังส่วนใหญ่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว ผมรู้สึกว่าผมกำลังเห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนญี่ปุ่น มันช่างเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดกำลังใจได้ดีจริงๆ ครับ” ทาคิซาว่า กล่าว
ทางด้านของผู้ว่าการเขตอิวาเตะ ก็ได้แสดงความขอบคุณทั้ง 2 สมาชิกจาก “Tackey & Tsubasa” และยังได้กล่าวว่า “ศิลปินจากจอห์นนี่ส์เองก็ได้ให้กำลังใจกับเยาวชนในเขตนี้อย่างมากเช่นกัน กับการที่ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเอง”
นอกจากนี้ ทั้ง 2 คน ยังได้เดินทางไปยังเมืองชายฝั่งชื่อ “Ofunato” สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งค่ายจอห์นนี่ส์ได้ส่งรถปั่นไฟที่ได้เตรียมไว้สำหรับงานคอนเสิร์ตของทางค่าย มายังสถานที่แห่งนี้เพื่อช่วยเหลือทางด้านกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ประสบภัยหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิโดยปราศจากการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย โดยมีคนในพื้นที่คนหนึ่งเข้ามาบอกกับทั้งทักกี้และซึบาสะว่า มันเป็นการช่วยเหลือที่มีความหมายมากเพียงไรกับคน 300 คน ที่ต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพในวันนั้น
“เมื่อรถปั่นไฟเดินทางมาถึงในวันที่ 19 มีนาคม และทำให้ดวงไฟติดขึ้นอีกครั้ง ก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งศูนย์ มันถือเป็นไฟที่วิเศษสุดที่ส่องเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดให้กับพวกเราทุกคน”
ทางด้านตัวแทนสมาชิกจาก “เฮย์เซย์จัมพ์ (Hey!Say!JUMP)” ประกอบไปด้วย “ยามาดะ เรียวสุเกะ (Yamada Ryosuke)”, “ยูริ จิเน็น (Yuri Chinen)”, “ฮิคารุ ยาโอโตเมะ (Hikaru Yaotome)” และ “โคตะ ยาบุ (Kota Yabu)” ก็ได้เดินทางไปยังเขตมิยางิ เพื่อส่งมอบเงินบริจาคส่วนหนึ่งในกับผู้ว่าการเขตมิยางิด้วยเช่นกัน
“ผมหวังว่าเงินจำนวนนี้จะสามารถสร้างอนาคตที่ดีให้กับเด็กๆ ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปในเหตุการณ์แผ่นดินไหว” ยาบุ กล่าว
“พ่อและพี่ชายของผม (ที่อาศัยอยู่ในเขตมิยางิ) บอกกับผมถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ ผู้คนที่ต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ต้องอดทนกันอย่างมาก และผมหวังว่าพวกเขาจะสามารถตั้งเป้าสำหรับอนาคตใหม่ได้ด้วยการก้าวเดินของพวกเขาเอง”
สำหรับ 2 สมาชิกจาก “TOKIO” “ชิเงรุ โจชิม่า (Shigeru Joshima)” และ “ทัตซึยะ ยามางูจิ (Tatsuya Yamaguchi)” ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้คนในเขตฟูกูชิมะด้วยการขึ้นไปปรากฏตัวบนเวทีงานแสดงดนตรีเพื่อส่งมอบเงินบริจาคจำนวนหนึ่งให้กับเขตดังกล่าว ซึ่ง “TOKIO” เองมีการเดินทางไปมาระหว่างกรุงโตเกียวกับเขตฟูกูชิมะสำหรับโครงการพัฒนาหมู่บ้าน DASH村ที่ออกอากาศทางรายการทีวีของพวกเขามาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วเช่นกัน
“สำหรับผมแล้ว ฟูกูชิมะเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม แต่ว่าการที่จะเข้าไปยังหมู่บ้าน DASH村ในตอนนี้นั้น จะต้องได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ” โจชิม่า กล่าว
“พวกเราจะไม่มีวันปล่อยให้ที่นี่ถึงจุดสิ้นสุด TOKIO จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงความหวังที่ยิ่งใหญ่ให้คงอยู่” ยามางูจิกล่าว
Credit : MomoEdgewood’s Mediawatch