ศิลปินร็อคสุดหล่อ มิยาวิ (Miyavi) หรือ ทาคามาสะ อิชิฮาระ (Takamasa Ishihara) เดินหน้าช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในต่างแดน ภายใต้การปฎิบัติงานในนาม UNHCR และแคมเปญ #WithRefugees
มิยาวิ เคยไปเยือนฐานปฏิบัติงานของ UNHCR ในเลบานอน 2 ครั้ง โดยในครั้งแรก เขาเดินทางไปเพื่อถ่ายทำมิวสิควีดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย โดย แองเจลินา โจลี เป็นผู้จัดหาทุนและอำนวยการผลิตวีดีโอชุดนี้ วีดีโอชุด “The Others” เปิดตัวในปี พ.ศ. 2016 ซึ่งช่วยส่งเสริมการเข้าร่วมในแคมเปญ #WithRefugees นอกจากนี้ มิยาวิยังถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊ค โดยปรากฏตัวร่วมกับทูตสันถวไมตรีและผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงอีกมากมายจากทั่วโลก
มิยาวิมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมาเยือนประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนและแรงบันดาลใจจากแองเจลินา โจลี โดยเขาหวังว่าจะได้พบกับผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่ร่วมแสดงในวีดีโอชุด “The Others” และอาจจะได้เล่นดนตรีด้วยกันในค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งจะมี โบโบ้ มือกลองชาวญี่ปุ่น และ เลนนี่ นักเล่นคีย์บอร์ดชาวอเมริกัน มาร่วมเล่นดนตรีกับมิยาวิในครั้งนี้ด้วย
เจป๊อบไทยแลนด์ได้มีโอกาสร่วมรับฟังประสบการณ์จากมิยาวิ ที่บอกเราเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย โดยมิยาวิ ได้แสดงปณิธานอันแรงกล้าที่จะช่วยเหลือเด็กผู้ลี้ภัยให้ได้รับการศึกษาตามบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้
ช่วยเล่าจุดประสงค์ในการมาเยือนไทยในครั้งนี้
ครั้งนี้เป็นการเยือนไทยครั้งที่ 2 ในฐานะของ UNHCR ครับ ผมเองได้มีโอกาสไปถ่ายมิวสิควีดีโอ The Others ในประเทศ เลบานอน มาลี จอร์แดน อัฟกานิสถาน และประเทศไทย ซึ่งในการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้เรามี 2 วัตถุประสงค์ที่ต้องทำ คือ 1 เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในเอเชีย และ 2 เพื่อพบปะผู้ลี้ภัยที่ร่วมแสดงในมิวสิควีดีโอ The Others โดยตั้งใจว่าจะไปเล่นดนตรีกับเด็กๆด้วยครับ
ก่อนที่ผมจะเดินทางมาที่นี่ ผมได้รับข้อมูลมามากมาย ซึ่งเมื่อมาถึงที่นี่แล้วมันแตกต่างจากข้อมูลที่ผมได้รับ เพราะสถานการณ์ในเลบานอนผู้ลี้ภัยพึ่งจะอพยพและหนีตายมาจากสงครามในประเทศซีเรีย ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ในขณะที่ประเทศไทย ทางรัฐบาลได้ทำการจัดตั้งค่ายอพยพและช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมามากกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งผมได้รับข่าวดีว่า สถานการณ์ในประเทศพม่าดีขึ้นมาก มีผู้อพยพบางส่วนได้เดินทางกลับไปยังประเทศพม่าแล้ว ตรงนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยและ UNHCR ด้วยครับ
ผมได้เดินทางไปที่แคมป์ผู้ลี้ภัย ในขณะที่ผมเล่นกีตาร์ ผมเห็นความหวัง ความสดใส และความสุขในดวงตาของเด็กๆ หลังจากที่เราร้องเพลงร่วมกัน เด็กๆชื่นชอบและมีความสุขมากครับ เด็กหลายคนบอกกับผมว่า พวกเขาอยากจะเป็น “ร็อคสตาร์” ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมมีความสุขมาก เพราะผมสามารถทำให้ดนตรีส่งผ่านไปถึงความรู้สึกของพวกเขา “ดนตรีอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่ดนตรีสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคนได้ และคนนี่แหละครับ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น” ผมเห็นความสำคัญของเด็กมาก ผมเองก็มีลูกสาว 2 คน พวกเขาควรได้รับการศึกษา ซึ่งการศึกษา จะเป็นการปูพื้นฐานไปสู่รุ่นต่อๆไป และอย่างที่บอกไป ดนตรีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่ผมก็ดีใจ เพราะดนตรีของผมสามารถส่งผ่านความสุขให้กับคนทั่วโลกได้
จริงๆแล้วผมต้องแสดงคอนเสิร์ตในไทยครับ แต่เนื่องจากไม่มีแล้วผมเลยคิดว่าจะไปเปิดคอนเสิร์ตในแคมป์ผู้ลี้ภัยแทน มีกีตาร์ กลอง และคัย์บอร์ดครับ
ตอนนี้ผมประจำอยู่ที่อเมริกาครับ ทำงานทางด้านดนตรี การแสดง และแฟนชั่น ทุกครั้งที่กลับมายังเอเชีย ผมรู้สึกประทับใจต่อความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยเฉพาะคนไทย ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือและเปลี่ยนแปลงโลกได้ นอกจากนี้คือเรื่องของการเคารพสิทธิ์มนุษย์ชน ยอมรับความแตกต่าง ซึ่งตรงนี้ยังเป็นเรื่องที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในอเมริกา ผมคิดว่าเราควรสร้างสะพานไปหาคนอื่น มากกว่าสร้างกำแพง สิ่งที่ผมอยากจะย้ำคือ ผู้ลี้ภัยไม่ได้เป็นภาระ พวกเค้าเป็นคนเหมือนกัน รัฐบาลต้องหาความสมดุลในการบริหารประเทศและช่วยเหลือผู้ลี้ภัย
คุณเคยไปเลบานอนมาแล้ว 2 ครั้ง มีความแตกต่างระหว่างการไปแคมป์ผู้ลี้ภัยทั้ง 2 ครั้งไหม
ครั้งแรก ผมไปเลบานอนในเดือนพฤษภาคม ปี 2015 เด็กๆที่นั่นไม่ได้ไปโรงเรียน เด็กๆต้องทำงานในไร่มันสำปะหลัง เพราะพ่อแม่ของพวกเขาไม่สามารถทำงานได้ พวกเขาอยากไปโรงเรียนมาก แต่ก็ไม่มีโอกาส หลังจากนั้น 1 ปี ต่อมา ผมได้กลับไปอีกครั้ง มีเด็กบางคนได้ไปโรงเรียนแล้ว สายตาของพวกเขาสดใสและดูมีความสุขมาก ผมจึงสอนลูกตัวเองเสมอว่า พวกเราโชคดีมากกว่าคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าบางวันเราจะตื่นขึ้นมาและไม่อยากไปโรงเรียน แต่เราก็มีโอกาส ซึ่งเทียบกับเด็กๆที่ลี้ภัยแล้ว พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสเลย ผมชื่นชมผู้ลี้ภัยมากครับ เพราะพวกเขาเข้มแข็ง พวกเขามีความกล้าหาญ และความพยายามที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งบางอย่างพวกเขาอาจจะเข้มแข็งมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ
ตอนที่ได้ไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอคุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
มันเป็นมิวสิควีดีโอที่ยอดเยี่ยมมากครับ ผมได้ทำมันขึ้นมากับคุณแองเจลิน่า โจลี่ ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความสุขได้จากเพลงของผม พวกเขาร้องเพลง พวกเขาเต้นรำ ซึ่งอิมเมจก่อนหน้านี้มันมืดมน มันหนักหน่วง แต่พอเราได้ทำการถ่ายทำ ภาพที่ออกมาในช่วงขณะนั้น มันถ่ายทอดออกมาให้เห็นถึงความสุข ความสนุกสนาน รอยยิ้ม ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่บอกว่าพวกเราไม่ได้แตกต่างกัน ผมเรียนรู้ได้จากมันครับ
ช่วยอธิบายประโยคที่คุณได้กล่าวว่า”ดนตรีสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคนได้”
ในแง่ของนักดนตรี เราคงไม่สามารถใช้ดนตรีเพื่อหยุดสงครามได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นพลังของเสียงดนตรีคือการรวบรวมความรู้สึกของคนให้เป็นหนึ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น ในคอนเสิร์ตของผมที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโตเกียวหรือโอซาก้า มันไม่ได้มีแค่คนญี่ปุ่นที่เข้ามาดูคอนเสิร์ตในแต่ละครั้ง ผู้คนเดินทางมาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา บลาซิล เกาหลี หรือแม้กระทั่งไทย ทุกคนมาเพื่อชมคอนเสิร์ต และมีความรู้สึกร่วมไปกับมัน ผมว่านี่คือพลังของดนตรี
มีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณจะทำร่วมกันผู้ลี้ภัย
ผมจะร่วมร้องเพลงและเล่นดนตรีกับเด็กๆ รวมไปถึงเล่นฟุตบอลด้วยกัน มีประสบการณ์ครั้งหนึ่งในเลบานอนที่ผมไม่เคยลืม ผมนำลูกฟุตบอลไปแจกและเล่นกับเด็กๆ เมื่อพวกเขาเห็นลูกฟุตบอล พวกเขาตื่นเต้นมาก แต่เพราะพื้นดินไม่สามารถเล่นได้เนื่องจากเป็นโคลน เด็กๆพาผมเดินออกไปนอกพื้นที่ เมื่อผมไปถึงมันทำให้ผมรู้ว่าถัดจากภูเขาลูกนี้ไป คือเขตของประเทศซีเรียมันเป็นพื้นที่แห่งสงครามที่พวกเขาจากมา
นอกจากหล่อแล้วยังมีจิตใจดีช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ เจป๊อปไทยแลนด์ต้องขอขอบคุณมิยาวิที่เดินทางมาเพื่อเยี่ยมแคมป์ผู้ลี้ภัยในไทยด้วยนะคะ