JPopTHeSeries กลับมาแล้วจ้า … คราวนี้กลับมาพร้อมซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่องสำคัญที่จะทำให้หัวใจของคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและกำลังใจมากยิ่งขึ้นหลังได้สัมผัสกับเรื่องราวแห่งความรัก…ความทรงจำ…และการพลัดพรากของครอบครัวพลัดถิ่นชาวญี่ปุ่นครอบครัวหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอันยากลำบากในอเมริกานานถึง 99 ปี ผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ดำเนินไปท่ามกลางความเจ็บปวดของคนทั้ง 2 ซีกโลก
ซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่องที่ว่านี้ก็คือ “99 ปี สงครามความทรงจำ” ซึ่งเคยออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ของประเทศไทยไปแล้วระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 17 พฤษภาคม 57 และกำลังออนแอร์รอบรีรันอยู่ในขณะนี้ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 11.05 น. ทาง ThaiPBS เช่นเดิม (เริ่มรีรันตอนแรกเมื่อ 12 กรกฎาคม 57)
“99-nen no Ai ~ Japanese Americans” หรือ “99 Years of Love – Japanese Americans” หรือ “99 ปี สงครามความทรงจำ” นำแสดงโดย ซึโยชิ คุซานากิ (Tsuyoshi Kusanagi) แห่ง SMAP, ยูกิเอะ นากามะ (Yukie Nakama), เคนอิจิ มัตสึยาม่า (Kenichi Matsuyama), คิอิชิ นากาอิ (Kiichi Nakai) พร้อมด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง
ซึโยชิ คุซานากิ รับบทเป็น โจคิจิ ฮิรามัตสึ (รุ่นพ่อตอนหนุ่ม) และ อิจิโร่ ฮิรามัตสึ (ลูกชายคนโต)
ยูคิเอะ นากามะ รับบทเป็น ชิโนบุ ฮิรามัตสึ
เคนอิจิ มัตสึยาม่า รับบทเป็น จิโร่ ฮิรามัตสึ
ซากิ เทราชิมะ รับบทเป็น ชิสึ ฮิรามัตสึ
อุมิกะ คาวาชิมะ รับบทเป็น ซาจิ ฮิรามัตสึ
นักแสดงคนอื่นๆ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1910 เมื่อ โจคิจิ ฮิรามัตสึ [รับบทโดย ซึโยชิ คุซานากิ (รุ่นพ่อ)] ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากญี่ปุ่นสู่ดินแดนแห่งความฝันคือ ‘สหรัฐอเมริกา’ เพื่อหวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่หนทางกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่องานที่คาดหวังไว้ไม่เป็นไปดังใจเนื่องจากเกิดการต่อต้านแรงงานชาวญี่ปุ่นในอเมริกา ทำให้เขาต้องอดทนทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงงาน และเป็นแรงงานเก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาลที่ต้องย้ายจากฟาร์มหนึ่งไปอีกฟาร์มหนึ่งอยู่เรื่อยๆ จากนั้น โจคิจิ ตกลงแต่งงานกับ โทโมะ หญิงชาวญี่ปุ่นที่จำต้องเดินทางมาอเมริกาเพื่อแต่งงานแทนพี่สาว ซึ่งตอนแรก โทโมะ กลัวฝ่ายชายจะโกรธเพราะตัวเองไม่สวยเหมือนพี่สาว แต่ โจคิจิ ซึ่งก็ให้ข้อมูลหลอกลวงว่าตัวเองมีที่นาเป็นของตัวเองแต่เอาเข้าจริงกลับเป็นเพียงแรงงานเร่ร่อน ตกลงแต่งงานกับเธอหากเธอตกลงจะใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวไปด้วยกัน และด้วยความมุ่งมานะอย่างไม่ลดละของทั้งคู่ ทำให้พวกเขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนสร้างเนื้อสร้างตัว มีลูกด้วยกัน 4 คน และมีฟาร์มเป็นของตัวเองได้จนสำเร็จ จากความช่วยเหลือของ แคทเธอรีน คุณยายชาวอเมริกาที่ยกที่ดินให้ดูแล แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งจาก เจมส์ หนุ่มอเมริกันผู้มีแนวคิดต่อต้านชาวญี่ปุ่นก็ตาม
ต่อมาในปี 1940 ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกาและญี่ปุ่นย่ำแย่ลงเรื่อยๆ และสร้างความลำบากมากยิ่งขึ้นให้กับครอบครัว ฮิรามัตสึ ทำให้พวกเขาตัดสินใจส่งลูกสาว 2 คน ชิสึ และ ซาจิ กลับไปยังญี่ปุ่น เนื่องจากการกดขี่ข่มเหงจากชาวอเมริกันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ อิจิโร่ [รับบทโดย ซึโยชิ คุซานากิ (รุ่นลูก)] ลูกชายคนโต วัย 18 ปีในขณะนั้น ได้เข้าเรียนด้านกฎหมายในมหาลัยอเมริกา เพราะอยากปกป้องสิทธิของคนญี่ปุ่น และตกหลุมรัก ชิโนบุ (รับบทโดย ยูคิเอะ นากามะ) ลูกสาวทูตญี่ปุ่นที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งเขาบังเอิญไปช่วยเธอเอาไว้จากการข่มเหงของคนอเมริกันจนตัวเองถูกทำร้ายและถูกต่อว่า จากนั้น ชิโนบุ มีโอกาสเดินทางมาที่ฟาร์มฮิรามัตสึ เพื่อช่วยเหลืองาน ทำให้ จิโร่ (รับบทโดย เคนอิจิ มัตสึยาม่า) น้องชายของ อิจิโร่ ตกหลุมรักในตัว ชิโนบุ ทว่า ชิโนบุ กลับรู้สึกผูกพันกับ อิจิโร่ และตัดสินใจอยู่อเมริกาต่อไป แต่ความรักของทั้งคู่ต้องพบกับอุปสรรคจากการไม่เห็นด้วยของครอบครัวของ อิจิโร่ และปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติที่ยิ่งนานวันยิ่งทวีความรุนแรง
จนกระทั่ง ปี 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น เอฟบีไอเข้าควบคุมตัว โจคิจิ รวมถึงชาวญี่ปุ่นคนอื่นๆ ไว้ในค่ายกักกัน รวมถึงครอบครัวฮิรามัตสึเองก็ต้องถูกกักตัวไว้ในค่ายกักด้วยด้วย พวกเขาจำเป็นต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดรวมถึงฟาร์มฮิรามัตสึ เพื่อเปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินให้ได้มากที่สุด ก่อนถูกส่งตัวเขาไปในค่ายกักกันซึ่งไม่รู้อีกนานเท่าไหร่กว่าจะได้กลับออกมา ขณะนั้น ชิสึ และ ซาจิ ที่ถูกพ่อส่งตัวกลับญี่ปุ่นก็อยู่อย่างลำบากมาก เพราะถูกข่มเหง เอารัดเอาเปรียบจากทุกคน เนื่องจากทั้งคู่ถือสัญชาติอเมริกันแม้จะมีเชื้อชาติญี่ปุ่นแบบเดียวกันก็ตาม เนื่องจากคนญี่ปุ่นในตอนนั้นมองคนอเมริกันว่าเป็นศัตรู และพวกที่คบหากับคนอเมริกันจะถูกมองว่าเป็นพวกไม่รักชาติ ซาจิ และ ชิสึ รู้สึกแค้นใจที่พวกเธอถูกทอดทิ้งให้เผชิญกับภาวะสงครามกันเพียงลำพัง ทั้งสองจึงตัดสินใจลืมครอบครัวที่อเมริกา อีกด้านหนึ่งชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในค่ายกักกันดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ก็ต้องมีจุดหักเหครั้งสำคัญที่เปลี่ยนไปเมื่อ ฝ่ายอเมริกาเข้ามายื่นข้อเสนออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ “ใบขึ้นทะเบียนความภักดี” เพื่อแสดงว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ข้างอเมริกา
ในปี 1943 สงครามทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ตอบ “ยอมรับ” ใน “ใบขึ้นทะเบียนความภักดี” ต้องเข้าร่วมรบกับกองทัพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อิจิโร่ ซึ่งตกลง “ยอมรับ” เพราะอยากให้คนอเมริกันยอมรับคนเชื้อสายญี่ปุ่นเพื่อไม่ให้ใครเรียกว่าพวกเขาว่า “พวกแจ็ป” อีก ก่อนการเข้ารับราชการทหาร อิจิโร่ และ ชิโนบุ ตกลงแต่งงานกัน จากนั้น อิจิโร่ ต้องเข้ารับการฝึกอย่างหนักกับกองกำลัง 442 ที่มีแต่คนเชื้อสายญี่ปุ่นแล้วถูกส่งไปที่แนวรบในยุโรป
พฤษภาคมปี 1944 ชิโนบุ ได้ให้กำเนิด เคน ลูกชายที่โรงพยาบาลในค่ายกักกัน ในขณะนั้นกองกำลัง 442 ที่ อิจิโร่ สังกัดอยู่ได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษ ซึ่งถึงแม้กองกำลัง 442 ต้องสูญเสียไปมาก แต่ก็ปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ครอบครัวฮิรามัตสึก็ได้รับโทรเลขแจ้งข่าวการเสียชีวิตของ อิจิโร่ เพราะอิจิโร่ถูกยิงในขณะที่เข้าไปช่วยเพื่อน และจากการโจมตีครั้งใหญ่ของอเมริกา ทำให้ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม หลังจากนั้นครอบครัวฮิรามัตสึ ก็ต้องเลือกว่าจะกลับญี่ปุ่นหรือทนอยู่ที่อเมริกาต่อไป แต่เพื่อให้การตายของ อิจิโร่ ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออเมริกาไม่สูญเปล่า ชิโนบุ กับ จิโร่ จึงตัดสินใจอยู่อเมริกาต่อไป จิโร่ แนะนำให้ โทโมะ ซึ่งเป็นห่วง ชิสึ กับ ซาจิ ให้กลับไปญี่ปุ่นพร้อมกับ โจคิจิ แต่ โจคิจิ กลับฆ่าตัวตายไปซะก่อน ในช่วงเวลานั้น ชิสึ กับ ซาจิ ที่ญี่ปุ่นก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากมาก ทั้งคู่อยู่กันคนละเมืองแต่พยายามกลับมาพบกันให้ได้ในที่สุดหลังห่างกันไปนานถึง 3 ปี
หลังจากสงครามยุติได้ 3 เดือน อเมริกาตัดสินใจปิดค่ายกักกัน ครอบครัวฮิรามัตสึต้องออกจากที่นั่นและไปอาศัยอยู่ที่วัดในซีแอทเทิ่ลพร้อมกับครอบครัวอื่นๆ ในค่ายกักกัน พวกเขากลับมายังฟาร์มฮิรามัตสึอีกครั้ง พบว่าฟาร์มถูกทิ้งให้รกร้างทรุดโทรม จิโร่ ขอเช่าที่จาก เจมส์ ที่เป็นคนซื้อฟาร์มไป แต่ เจมส์ ปฎิเสธ พวกเขาจึงต้องหางานอื่นทำ หลังจากเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ประมาณครึ่งปี อยู่มาวันหนึ่งมีการจัดขบวนพาเหรดของกองกำลัง 442 ที่วอชิงตัน ทั้ง โทโมะ ชิโนบุ และ จิโร่ ไปวอชิงตัน ที่นั่นพวกเขาได้พบ นัทสึกิ ที่เล่าวีรกรรมของ อิจิโร่ ในสนามรบให้ฟังว่าตอนที่เข้าไปช่วยกองพันเท็กซัส อิจิโร่ ช่วยกันไม่ให้ นัทสึกิ ถูกยิงเลยรับกระสุนแทนเค้า นัทสึกิ ขอให้เค้าได้ทำหน้าที่แทน อิจิโร่ จากนั้น นัทสึกิ ก็ช่วยเหลือครอบครัวฮิรามัตสึทุกอย่าง
การเดินพาเหรดครั้งนี้ทำให้ทั่วทั้งอเมริการู้ถึงวีรกรรมของกองกำลัง 442 ที่มีแต่คนเชื้อสายญี่ปุ่น
ทำให้คนเชื้อสายญี่ปุ่นเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริกัน อยู่มาวันหนึ่ง เจมส์ ผู้ซึ่งซื้อฟาร์มไปจากครอบครัวฮิรามัตสึเมื่อ 4 ปีก่อนก็ติดต่อมา เจมส์ บอกว่าอยากคืนฟาร์มที่เคยเป็นของ โจคิจิ ให้พวกเขา เพราะได้รู้ถึงวีรกรรมของกองกำลัง 442 เลยอยากไถ่โทษให้กับการกระทำของตัวเองในอดีต และอยากให้พวกเขาช่วยทำฟาร์มให้เป็นเหมือนเมื่อก่อน
กรกฎาคมปี 1947 ซาจิ ตัดสินใจไปโตเกียวไปทำงานดัดแปลงเสื้อผ้าตะวันตก พอหาร้านได้ก็รีบมาบอกข่าวดีกับ ชิสึ ชิสึ ดีใจมากที่ฝันของ ซาจิ เป็นจริง ส่วน ซาจิ ก็ดีใจมากและจะพา ชิสึ ไปรักษาที่โรงพยาบาลดีๆ แต่ ชิสึ กลับด่วนจากไปเสียก่อน
หลังจากสงครามยุติได้ 14 ปี มีข่าวว่าคนเชื้อสายญี่ปุ่นที่เคยอยู่ในกองกำลังที่ 442 ได้เข้าร่วมสภาคองเกรซ โทโมะ ดีใจมากที่คนญี่ปุ่นได้มีสถานะทัดเทียมกับชาวอเมริกันสักที แต่หลังจากนั้น โทโมะ ก็เสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ซาจิ เสียใจมาตลอดกับการถูกทอดทิ้งจากครอบครัวของตัวเองและจากประเทศอเมริกา แต่เมื่อ ซาจิ ได้กลับมาพบกับ จิโร่ และ ชิโนบุ ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกครั้งในอีก 70 ปีต่อมา และได้รู้ถึงความยากลำบากของ โจคิจิ โทโมะ อิจิโร่ ชิโนบุ จิโร่ แล้วก็คลายความขุ่นข้องหมองใจลงไป และ ซาจิ ก็ได้มีโอกาสกลับมาพบเจอกับครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง
นับเป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นดีๆ อีกหนึ่งเรื่องที่รับรองว่าเมื่อได้ดูแล้วต้องได้ข้อคิดกลับมาไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชมละครเรื่องนี้ ยังสามารถรับชมกันได้อยู่ทางสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 11.05 น. ซึ่งขณะนี้เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนก็จะอำลาจอกันไปจริงๆ แล้ว ขอบอกว่าซีรี่ส์ญี่ปุ่น “99 ปี สงครามความทรงจำ” เป็นรายการที่มีลิขสิทธิ์ในการออกอากาศได้ทางหน้าจอไทยพีบีเอสเท่านั้น จึงไม่มีการตัดคลิปให้ชมย้อนหลังผ่านเว็บไซต์ ใครไม่อยากพลาดก็ต้องเฝ้าหน้าจอให้ดีๆ นะจ๊ะ!
